เครื่องทำความสะอาดอัจฉริยะ : เทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนวิถีเดิมๆ

เครื่องทำความสะอาดรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

การทำความสะอาดนั้นยังคงเป็นความสำคัญมากๆในปัจจุบัน และยังได้รับความใส่ใจและให้ความสำคัญมากกว่าในอดีตตั้งแต่มีวิกฤติโควิด-19 ทำให้ผู้คนตระหนักได้ถึงความสำคัญในการรักษาความสะอาดที่จะส่งผลต่อร่างกายและสุขภาพ วงการอุตสาหกรรมการทำความสะอาดจึงเติบโตและมีการวิจัยมากขึ้นเป็นอย่างมาก 

จึงทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆในโลกยุคใหม่ เกิดการประดิษฐ์อุปกรณ์รูปแบบใหม่ในวงการทำความสะอาดที่มีผลกระทบต่อทั้งแม่บ้านทั่วไปหรือผู้ที่มีงานรับผิดชอบด้านการทำความสะอาด ที่ต้องปรับตัวให้ได้กับเทคโนโลยีเหล่านี้ วันนี้เราจึงมาแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องทำความสะอาดอัจฉริยะทุกวันนี้ว่าไปไกลถึงไหนแล้ว เพื่อให้เราสามารถนำมาปรับใช้และปรับตัวเพื่อการทำความสะอาดได้

 

เครื่องมือทำความสะอาดอัจฉริยะที่จะเป็นที่นิยมในอนาคต

  • หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติ (Robotic/autonomous cleaning machines)

หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์คอยควบคุมตลอดเวลาหรือต้องมาดูแล มีระบบเซนเซอร์ หรือการบันทึกแผนที่ในตัวบ้านที่ทำให้การใช้งานอเนกประสงค์และมีความเฉพาะเจาะจงในแต่ละพื้นที่ได้มากขึ้น มักใช้ทำความสะอาดภายในบ้านได้ดี ในขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เช่น การดูดฝุ่น กวาดพื้น ถูพื้น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ช่วยให้มนุษย์สามารถประหยัดแรงและเวลาในการทำความสะอาดบ้านไปได้อย่างมากให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆได้มากขึ้น ช่วยทำความสะอาดบ้านได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และ เพิ่มความสม่ำเสมอได้มากกว่าบุคคลธรรมดา 

มากไปกว่านั้น พนักงานทำความสะอาดก็สามารถนำหุ่นยนต์เหล่านี้มาปรับใช้ได้เช่น เครื่องขัดพื้นเป็นแบบขัดซึ่งจะทำความสะอาดตามพื้นและขัดให้เงาผ่านการขับรถขนาดเล็กผ่านแต่ละพื้นที่ โดยเครื่องนี้มักถูกนำไปปรับใช้ได้มากตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ออฟฟิศใหญ่ๆ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานในบ้านแต่เหมาะสำหรับพนักงานทำความสะอาดที่ต้องดูแลพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างมาก

  • เทคโนโลยีทำความสะอาดด้วยแสงยูวี (Ultraviolet disinfection technology)

ในการที่จะฆ่าเชื้อโรคได้หมดจดและมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น การทำด้วยมือและตาเปล่านั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยากมากๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเชื้อโรคอยู่ตรงไหน เห็นก็เพียงคราบที่เห็นชัดๆเท่านั้น เครื่องทำความสะอาดด้วยแสงยูวีจึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการไปค่อนข้างมาก เครื่องเหล่านี้สามารถตรวจจับเชื้อโรคได้ด้วยแสงยูวี และสามารถทำลายเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส เหล่านั้นด้วยแสงยูวีได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีความอันตรายในการสัมผัสหรือการใช้งาน 

มีการนำเครื่องนี้มาใช้งานในหลากหลายสถานที่และสถานการณ์เช่น สถานที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลหรือการรักษาทางแพทย์ การทำให้อากาศบริสุทธิ์มากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคในสถานที่ที่ต้องเจอผู้คนป่วยมากขึ้น โรงงาน หรือ สถานที่บริการอื่นๆในสาธารณะก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถนำเครื่องนี้ไปปรับใช้เพื่อความสะดวกสบายและคุณภาพของความสะอาดในพื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน 

  • ไอโอที หรือ IoT

การเปลี่ยนแปลงโดยการใช้ข้อมูลเชิงสถิติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงการความสะอาดดูอาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกันมาก แต่หากมีการปรับใช้ให้ดีก็สามารถเข้ามาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเทคโนโลยีเหล่านี้ให้มีประโยชน์อย่างมาก IoT ไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้การทำงานของการทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ยังเพิ่มประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าหรือผู้ใช้งานพื้นที่ที่มีความสะอาดมากขึ้นมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

โดยการใช้ IoT นั้นมักจะนำมาผสมผสานกับเครื่องทำความสะอาดอัตโนมัติอื่นๆที่มีเทคโนโลยีเพียงพอในการใช้ข้อมูลเข้าไปผสมผสานให้สามารถแจ้งเตือนหรือใช้งานอัตโนมัติได้ เช่นการแจ้งเตือนให้มีการเติมสบู่ในกล่องในห้องน้ำโดยที่พนักงานทำความสะอาดไม่จำเป็นต้องมาคอยตรวจสอบเอง หรือ การซ่อมบำรุงบางอย่างที่เป็นเวลาที่เกิดขึ้นได้จากการคาดคะเนของข้อมูลใน IoT 

 

สิ่งที่ผู้ทำงานเกี่ยวกับความสะอาดต้องปรับตัว

เทคโนโลยีการทำความสะอาดใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้คน ส่งผลให้ผู้ทำงานเกี่ยวกับความสะอาดต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้

 

โดยสิ่งที่ผู้ทำงานเกี่ยวกับความสะอาดควรทำคือ การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เข้าใจถึงการใช้งาน จุดประสงค์ในการใช้งาน ขั้นตอนการใช้งานให้มีประสิทธิภาพที่สุด พร้อมทั้งพัฒนาทักษะใหม่ๆที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี เช่น ทักษะคอมพิวเตอร์ ทักษะการซ่อมบำรุง และ ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงานที่สมัยก่อนเน้นตัวเองหรือใช้กำลัง มาเป็นการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อการประหยัดเวลา ประหยัดแรง และคุณภาพงานที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม